การเดินทางไกลที่เริ่มต้นอีกครั้งในสัปดาห์แรกของวัน เวห์  เวหา
ชายหนุ่มที่เริ่มต้นวันทำงานคล้ายกับคนอื่นทั่วไปที่แตกต่างก็คงเป็น
การทำงานของเขามีเพียงแค่เดือนละ 80 ชั่วโมงเท่านั้น
ไม่งั้นผิดกฎหมาย และกฎข้อบังคับขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ใช่แล้ว เวห์เป็นนักบิน
ชายหนุ่มผิวคล้ำ รูปร่างสูงสมาร์ท แบบที่หลายคนฝันไว้ว่าอยากมีและหญิงสาวหลายคน
ก็หวังว่าจะให้เป็นรูปร่างของชายข้างกาย
เวห์เหลือเวลาอีกไม่มากตามหลักการที่ต้องมาถึงก่อนไฟลท์บินประมาณสามชั่วโมง
และทุกอย่างก็เป็นไปอย่างเรียบร้อย
เวห์ไม่สาย มาถึงแบบพอดีๆ จัดการโหลดกระเป๋าสัมภาระลงใต้ท้องเครื่องตามกระบวนการ
ก่อนจะติดบัตรเดินลงไปสำรวจรอบเครื่องบินตามวิธีปฏิบัติที่ถูกต้องของนักบิน
เที่ยวบินวันนี้เป็นเที่ยวบินไปมิลานประเทศอิตาลี
เป็นการบินแบบกึ่งระยะไกล ใช้เวลาบินประมาณ สิบกว่าชั่วโมง หลังจากเช็คตารางweight & balance และส่งให้กัปตัน
หรือนักบินที่หนึ่งเป็นผู้เซ็นต์รับทราบแล้ว นักบินและลูกเรือทั้งหมดก็ขึ้นประจำบนเครื่องบินเพื่อเตรียมตัวปฏิบัติหน้าที่
วันนี้เป็นวันที่ทัศนวิสัยดี ปลอดโปร่งและเป็นเช่นนี้ตลอดการเดินทางตั้งแต่ประเทศต้นทางอย่างกรุงเทพฯประเทศไทย
ไปจนถึงเมืองมิลานประเทศอิตาลี การปฏิบัติ งานครั้งนี้เป็นไปได้อย่างเรียบร้อยและสมบรูณ์แบบทุกประการ
ด้วยทัศนวิสัยที่เอื้ออำนวยดังนั้นไม่มีการตกหลุมอากาศ ผู้โดยสารทุกคนจึงดูจะได้รับความสุขกับการเดินทางครั้งนี้
ส่วนตัวของเวห์เองก็ได้พักอยู่ที่กรุงมิลานนี้อีกสองวันโดยมาพลัดกับลูกเรือชุดก่อนให้เดินทางกลับไปเมืองไทย
โดยคราวนี้เวห์ต้องอยู่ที่มิลานเป็นเวลา สองวันสองคืนเพราะว่าตอนเครื่องลงก็เป็นเวลากลางวันอีกครั้ง
หลังจากที่ออกมาตอนกลางวัน เมื่อถึงโรงแรมที่พักชายหนุ่มที่ต้องอยู่ในห้องพักร่วมกับนักบินที่หนึ่ง
หรือกัปตันต่างก็ขอพักผ่อนกันทันที แล้ววันพุ่งนี้ค่อยว่ากันต่อไปว่าใครจะมีแผนอะไรไว้ทำบ้าง
ทั้งนักบินที่หนึ่งและนักบินที่สองต่างก็ขอตัวไม่ไปทานอาหารกลางวันเพราะเหนื่อย
แต่ทั้งหมดจะลงมาเจอกันตอนเย็นเพื่อทานอาหารค่ำร่วมกันที่ร้านอาหารในกรุงมิลานโดยมีแอร์ฯสาวคนหนึ่งเป็นต้นเรื่อง
ในการเชิญทุกคนพร้อมกับโฆษณาเอาไว้อย่างเสร็จสรรพ เมื่อถึงเวลาต่างคนก็ทยอยกันลงมาจากห้องพักของตน
ร้านอาหารที่ “นาง” แอร์โฮสเตสสาวร่วมเที่ยวบินแนะนำเป็นร้านอาหารไทยในมิลานที่ขึ้นชื่อมากในอาหารที่หาทานไม่ได้ง่าย
แม้แต่ในเมืองไทย ส่วนใหญ่เป็นขนมอาทิ ช่อม่วง จ่ามงกุฎ หน้านวล เป็นต้น
อีกทั้งอาหารตำหรับชาววังอีกหลายอย่างอย่างแกงเทโพเป็นต้น เพราะแกงเทโพที่นี่ไม่ใช่แกงผักบุ้งใส่หมูสามชั้น
แต่เป็นปลาเทโพมาแกงซึ่งปัจจุบันหาปลาชนิดนี้ได้ค่อนข้างยาก หลังทานอาหารเรียบร้อย เวห์จึงขอตัวมาเดินเล่น
ตั้งใจว่าจะเดินไปรอบๆโรงแรมที่พัก แล้วก็เจอกับนางแอร์ฯสาวคนเดิมที่กำลังรอใครบางคนอยู่
\"ไประลึกความหลังมาเหรอคะ\"
ร่างสูงยิ้มไม่ตอบอะไรและเดินหายไปกับผู้คนในที่สุด ความหลังงั้นเหรอ ผมเคยมีความหลังกับใครที่ไหนกันที่มิลานนี่
ผมแน่ใจแต่ถ้าเป็นเมืองไทย แถวๆปากช่องเขาใหญ่ล่ะไม่แน่
ทำไมน่ะเหรอ ก็เขาใหญ่เป็นสถานที่ที่ผมได้มีเวลาดีๆกับผู้หญิงที่ผมรักไงครับ ในตอนนั้นผมแน่ใจมากว่าผมรักเธอ
หญิงสาวหน้าสวยดูสง่างาม ดูแบบบางแทบไม่น่าเชื่อว่าเธอเป็นประเภทขาลุย
แต่จากการไปเขาใหญ่ครั้งนั้นเธอทำให้ผมรู้ว่าเธอมีอีกด้าน
ที่ผมไม่เคยเห็นและเธอก็ยืนยันว่าจะไม่มีใครได้เห็นอีกนอกจากผม ความอ่อนโยน อ่อนหวาน
อบอุ่นที่เธอสัญญาว่าจะมีให้ผมคนเดียว
ผมเชื่อเธอเพราะว่าอะไรเหรอครับ เพราะนั่นเป็นที่แรกที่เราไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันและเป็นสุดท้ายของเรา
เพราะตอนนี้เธอจากไปแล้วชั่วนิรันดร
                                      หลังจากกลับมาจากการเดินทางครั้งนั้นผมเริ่มมีเวลาให้เธอน้อยลงเพราะต้องเรียนอย่างหนัก
ในการอบรมหลักสูตรนักบิน เราค่อยๆห่างกันไป จนในที่สุดไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ผมตัดสินใจบอกเลิกกับเธอในที่สุด
ด้วยเหตุผลที่ทำร้ายเธอที่สุดอย่างเราไม่กันไม่ได้ เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่ไม่ใช่สำหรับผม ตอนนั้นผมคิดแบบนั้นจริงๆ
คุณอาจจะคิดว่าผมทำแบบนั้นได้ยังไง แล้วเวลาที่ผ่านมาไม่มีความสุขเลยใช่ไหม ไม่ใช่นะครับผมก็คิดว่าผมมีความสุขดี
ผมเจอเธอทุกวันทานข้าวกับเธอทุกเย็น ส่งเธอกลับหอ โทรฯราตรีสวัสดิ์ทุกคืน แต่มันคงเหมือนกับจุดอิ่มตัว
เพราะอยู่ๆทุกอย่างก็ดูจะจืดไปซะเฉยๆ เมื่อผมต้องเรียนหนักมากขึ้นจึงดูเหมือนเหตุผลที่ดูดีที่สุดว่า
ถ้าผมจะให้เวลากับอะไรสักอย่างที่ไม่ใช่ผู้หญิงคนอื่น โดยที่ผมต้องเบียดบังเวลาของเธอไปด้วยนั้น
การเรียนดูจะเป็นเหตุผลที่ดีที่สุด
ตลอดสองปีที่เธอยังคงโทรฯมาหาอาจจะเดือนละครั้งหรือสองครั้ง จนค่อยๆหายไปในที่สุด
สุดท้ายผมเองก็ไม่มีใครและไม่ได้คิดถึงใครอีกคนที่คือเธอคนนั้นเลยด้วยซ้ำ
จนกระทั่งเธอโทรฯมาหาผมอีกทีด้วยน้ำเสียงที่ยินดีว่า
ตอนนี้เธอสอบติดแล้วเธอกำลังจะได้เป็นนักบินหญิงแล้ว
สายการบินคู่แข่งกับสายการบินผมแหละครับผมก็ยินดีกับเธอไปตามเรื่อง
ผมนัดเธอมาเจอกันแต่เธอว่าไม่ดีกว่าบอกด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงว่าไม่อยากเจอผม ผมเองก็ไม่ตามตื้ออะไรอีก
เพราะผมก็เคารพในการตัดสินใจและคิดว่าเธอคงไม่ว่างจริงๆ จนกระทั่งวันที่เธอขึ้นบินจริง
เธอโทรฯมาหาบอกว่าตื่นเต้นแต่ก็ได้แต่ฝากข้อความเสียงเพราะตอนนั้นผมเองก็ต้องบินแล้วตอนนั้นบินกรุงเทพฯ-เอเธนส์
ผมได้ฟังข้อความนั้นก็ตอนถึงเอเธนส์แล้ว แต่ก็ไม่ได้โทรฯกลับเพราะคิดว่าเดี๋ยวค่อยโทรฯตอนถึงเมืองไทย
หรือแอบไปเซอร์ไพรส์เธอที่ศูนย์ฝึกฯเลยก็ยังได้ ก็เลยเดินไปหาซื้อของให้เธอ สองวันหลังจากผมกลับมาเมืองไทย
ผมตัดสินใจโทรฯหาเธออีกครั้ง เธอไม่รับสายผมจึงตัดสินใจขับรถไปหาเธอที่ศูนย์ฝึกฯ
ด้วยตัวเองกะว่าจะเซอร์ไพรส์เธอเต็มที่
แต่กลายเป็นว่ามีสายเข้ามาที่เบอร์ผมเป็นเบอร์แปลกแต่เมื่อได้รับสายผมก็ต้องหยุดรถทันทีเพราะคนที่โทรฯมา
คือคนที่เป็นเพื่อนรักกับเธอคนนั้นของผม เธอบอกว่าให้ผมมาพบเธอด่วนตอนนี้เลย
ผมก็ว่าผมกำลังจะไปหาเพื่อนเธอที่ศูนย์ฝึกฯไง
แต่เพื่อนรักของเธอกับบอกว่าให้ผมมาหาเธอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งแทน ความรู้สึกตอนนั้นมันตันไปหมด
ผมกลับรถเข้ากรุงเทพฯไปโรงพยาบาลที่เพื่อนของเธอบอก และพบว่าหญิงสาวคนนั้นที่โทรฯหาผมตอนที่เธอจะบิน
ตอนนี้นอนนิ่งอยู่บนเตียงในห้องผู้ป่วยหนัก หรือที่คุณรู้จักว่า ไอ.ซี.ยู นั่นแหละครับรอบร่างของเธอเต็มไปด้วยสายมากมาย
มันมากจนผมนึกกลัวว่า อะไรที่ไม่ดีมันจะเกิดขึ้น เธอนอนนิ่ง นิ่งมากจนผมกลัว วินาทีนั้นผมคิดถึงตอนเธอยิ้ม
ตอนเธอ หัวเราะให้ผมอย่างร่าเริงที่เขาใหญ่  เหมือนใจเราสื่อถึงกันเพราะเหมือนเธอจะยิ้มตอบมาหาผม
ผมเดินเข้าไปหาเธอใกล้ๆ จับมือเธอไว้อย่างกลัวว่ามันจะแหลกสลายไปต่อหน้าผม
“นี่พี่เวห์นะ พี่ว่าจะมาเซอร์ไพรส์เธอที่ศูนย์ฝึกซะหน่อย แต่เธอดันมาเซอร์ไพรส์พี่แทน หายไวๆนะตื่นมาคุยกับพี่นะ
ที่พี่ไม่ยอมโทรฯกลับเพราะว่าจะกลับมาบอกด้วยตัวเอง พี่ซื้อน้ำหอมที่ชอบมาให้ด้วยนะ
ซื้อมาหลายขวดเลยเพราะไม่รู้ว่าชอบขวดไหน ตื่นมาเลือกไวๆนะ หรือจะเอาไว้หมดเลยก็ได้นะ”
ผมพร่ำพูดอะไรอีกมากมายจนเห็นแม่กับพ่อของเธอเดินเข้ามา
“เวห์ใช่ไหมจ๊ะ”
“ครับ สวัสดีครับ”
“แอร์เข้าเคยบอกน้าว่า เวห์เป็นต้นแบบของเขานะ ดีใจที่ได้เจอตัวจริงแล้ว”
ผมแทบเข่าอ่อนที่ได้รู้ เธอมาเป็นนักบินที่เพราะมีผมเป็นต้นแบบ ลูกสาวท่านนายพลคนสวย
หญิงสาวเลือดผสมสองเหล่าทัพที่เธอเคยเล่าให้ผมฟังตอนอยู่บนเขาใหญ่
เพราะบิดาคือทหารบกและมารดาคือทหารอากาศ
ผมขอตัวกลับในที่สุดและจะมาเยี่ยมเธอใหม่ในวันรุ่งขึ้นเมื่อออกมานอกห้องผู้ป่วยแล้ว
เพื่อนรักของแอร์ก็ยื่นกล่องกล่องหนึ่งขนาดไม่ใหญ่มากให้ผม ผมกลับบ้านไปพร้อมกับกล่องใบที่เพื่อนของเธอ
มอบให้ในกล่องเป็นรูปถ่ายตอนที่เราไปเขาใหญ่ด้วยกัน ภาพตอนทานไอติมนอนดูดาว และจดหมายหนึ่งฉบับ
พี่เวห์
              ถ้าพี่เวห์ได้จดหมายฉบับนี้แสดงว่าร่างกายของแอร์กำลังจะกลับไปหาแผ่นดินถิ่นของคุณพ่อแล้วนะคะ   
ส่วนวิญญาณก็จะกลับไปสู่ฝากฟ้าที่เป็นเหมือนมารดาด้วยเช่นกัน อย่าหัวเราะนะ แอร์รู้ว่าพี่เวห์ขำทุกที่ที่แอร์พูดอะไรประมาณนี้
ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลังจากวันนั้นที่เราไม่ได้เป็นคนรักกัน สิ่งเดียวที่แอร์กลัวทุกครั้งที่โทรฯหาพี่เวห์คือ
กลัวว่าพี่เวห์จะมองว่าแอร์เป็นพวกผู้หญิงชอบตื้อ น่ารำคาญ และก็อารมณ์ siss อะไรเหรอคะ ก็ sad when miss ไงคะ
จริงๆนะ ทุกทีที่คิดถึงพี่เวห์แอร์ก็จะเศร้า เพราะรู้ว่าเวลาที่แอร์คิดถึงพี่เวห์พี่เวห์ไม่ได้คิดถึงแอร์
จากนี้ไปแอร์จะไม่ได้โทรฯหาพี่เวห์อย่างมีความสุข คิดถึงพี่เวห์อย่างมีความสุข แต่ที่เล่ามาทั้งหมดแอร์ไม่ได้แปลว่าแอร์โกรธ
หรือโทษพี่เวห์นะคะ แอร์แค่ลืมพี่เวห์ไม่ได้เท่านั้นเอง ตลอดทั้งหมดที่เขียนมาแอร์ขอสรุปสั้นๆเลยว่า
ชีวิตแอร์อาจจะมีใครที่มาเป็นแฟน แต่จะมีพี่เวห์คนเดียวเป็นคนรัก เป็นคนแรกที่แอร์รัก และเป็นคนสุดท้ายเพราะแอร์
ไม่มีโอกาสจะไปหาใครให้มารักแอร์อีกแล้วแน่นอน เพราะฉะนั้นดูแลตัวเองด้วยนะคะ ที่จริงจดหมายฉบับนี้เป็นฉบับล่าสุด
แอร์จะเขียนจดหมายแบบนี้ไว้ทุกหกเดือนเพราะว่าอะไรๆมันก็เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
ฝากขอบคุณ ไวน์ด้วยนะคะที่ส่งกล่องนี้ให้พี่เวห์ ไม่ต้องถามหาจดหมายฉบับก่อนหน้านะคะมันอยู่ในกล่องนั่นแหละ
                    you the เวห์ on my way
                        แอร์
                                    โทรศัพท์ดังขึ้นกลางดึก ไวน์เป็นคนโทรฯมาบอกเสียงสั่น ผมตัดสินใจออกจากบ้านไปโรงพยาบาลทันที
ร่างสูงวิ่งกระหืดกระหอบก่อนจะมายืนอยู่ข้างเตียงที่แอร์นอนลืมตาอยู่ พร้อมกับทุกคนที่รายรอบ
ทั้งหมดตัดสินใจออกจากห้องไปเหลือเพียงผมกับแอร์
“พี่เวห์ดีใจจังกลับมาแล้ว ได้เจอกันซะที”
“อืม กลับมาแล้ว” เสียงของผมดูจะตีบตัน ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย
“บอกแอร์ว่าซื้อน้ำหอมมาให้ด้วยนี่ อยู่ไหนล่ะ”
“อยู่ในรถน่ะ  เดี๋ยวไปหยิบมาให้ก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่เวห์อย่าเงียบสิ”
“พี่อ่านจดหมายแล้วนะ” แล้วความเงียบก็เข้ามาอีกครั้ง
“พี่เองก็ไม่มีใครนะหลังจากที่..” ผมไม่ยากจะพูดคำนั้นเลย
“เขินจัง พี่เวห์อ่ะ  พี่เวห์แอร์รักพี่เวห์จริงๆนะ รักมาตลอด พี่เวห์บอกว่าพี่เวห์เป็นพวกตายยาก แต่แอร์เป็นพวกลืมยากอ่ะนะ”
ร่างบางยิ้มอีกครั้ง ดวงตาแอร์ค่อยๆมองกรอกไปราวกับหาใครสักคน ผมก็รู้ว่าเธอชอบกลบเกลื่อนและไม่อยากให้ผมต้องเศร้า
ต้องคิดถึงเรื่องราวที่ต้องเสียน้ำตาในตอนนั้น
“หาใครแอร์ คุณพ่อคุณแม่เหรอ เดี๋ยวพี่เรียกให้ไหม”
“มองหาพี่เวห์นั่นแหละ”
คำตอบที่ผมอึ้งตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอมองไม่เห็นผมแล้ว แต่ก็ยังคุยเหมือนกับว่ารู้ว่าผมอยู่ไหน
เวห์กุมมือเธอไว้ช้าๆ
\"พี่อยู่ข้างๆแอร์ไงอยู่ตรงนี้\"
“ใครบอกพี่เวห์อยู่ในใจแอร์ต่างหาก ห้ามอ้วกนะ”
หญิงสาวสำทับไว้ พ่อแม่และไวน์เข้ามาในห้อง โดยอยู่อีกฝากหนึ่งของเตียง
“ผมขออนุญาตจับมือแอร์นะครับ”
“อืม พ่ออนุญาต”
ร่างบนเตียงยิ้มอย่างเขินๆ ก่อนจะค่อยหาวอย่างช้าๆ
“แอร์ง่วงแล้วล่ะ ดึกแล้วใช่ไหม เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นมาตาคล้ำนะคะ ไปนอนเถอะนะ พ่อคะ แม่คะ ราตรีสวัสดิ์นะคะ
ไวน์ ไปนอนได้แล้วเดี๋ยวหน้าแก่นะ พี่เวห์อย่าลืมฟังซีดีนะคะ ฝันดีค่ะ”
มืออีกข้างยกขึ้นอย่างจะคว้าอะไรซักอย่าง พ่อกับแม่ของแอร์จับมือลูกสาวไว้ ไวน์เองก็แตะมือที่ต้นขาของแอร์
หญิงสาวหลับตาช้าๆ
“ไม่อยากหลับเลย”
ประโยคสุดท้ายก่อนที่ชีพจรจะหยุดลง ร่างบางนอนนิ่งยิ้มทั้งน้ำตา เธอกลับไปหาฟากฟ้าที่เป็นดังมารดาแล้ว
                                            หลังจากนั้นทุกช่วงเดือนเมษายนของทุกปีเวหาจะเดินทางไปเขาใหญ่เพื่อไปดูสถานที่ที่ครั้งหนึ่ง
เขาได้อยู่กับผู้หญิงที่เขารัก
“แอร์พี่ไม่รู้หรอกนะว่ามันจะนานไหมแต่ไม่นานพี่จะตามไปอยู่กับแอร์นะ”
ชายหนุ่มบอกฝากกับสายลมที่หน้าผาเดียวดายที่ที่ทั้งคู่เคยมาด้วยกัน บางครั้งแอร์ก็เข้มแข็ง บางครั้งก็อ่อนบาง
เสียจนจะละลายไปได้กับสายลม ตอนนี้เธอก็กลับอยู่กับฝากฟ้าที่เป็นมารดามาตลอดและมีสายลมเป็นเพื่อน
และเป็นผู้นำพาความรักของผมไปหาเธออีกครั้ง
เพลงที่เธอเลือกไว้ I bruise easily ช่างดูราวกับว่าเธอคือความบอบางอย่างน้อยก็หัวใจดวงนั้นที่ผมเคยทิ้ง
ไม่สิพยายามทิ้งแต่มันก็ไม่เคยไปไหนหัวใจนั้นยังคงแฝงกายอย่างเงียบอยู่กับผมตลอดเวลา
Oh...yeah
My skin is like a map, where my heart has been
And I can\'t hide the marks, but it\'s not a negative thing
So I lay down my guard, drop my defenses, down by my clothes
I\'m learning to fall, with no safety net, to cushion the blow
I bruise easily, so be gentle when you handle me
There\'s a mark you leave, like a love heart carved on a tree
I bruise easily, can\'t scratch the surface without moving me
Underneath I bruise easily, I bruise easily
I found your finger prints on a glass of wine
Do your know ur leaving them all over this heart of mine too
If I never take this leap of faith I\'ll never know
So I\'m learning to fall with no safety net to cushion the blow
I bruise easily, so be gentle when you hande me
There\'s a mark you leave, like a love heart carved on a tree
I bruise easily, can\'t scratch the surface without moving me
Underneath I bruise easily, I bruise easily
Anyone who, can touch you, can hurt you, or heal you
Anyone who, can reach you, can love you, or leave you
So be gentle
So be gentle
So be gentle
So be gentle
I bruise easily, so be gentle when you handle me
There\'s a mark you leave, like a love heart carved on a tree
I bruise easily, can\'t scratch the surface without moving me
Underneath I bruise easily, I bruise easily
I bruise easily, so be gentle when you hande me
There\'s a mark you leave, like a love heart carved on a tree
I bruise easily, can\'t scratch the surface without moving me
Underneath I bruise easily, I bruise easily
I bruise easily
I bruise easily
                  เสียงเพลงที่ดังก้องอยู่ในใจผมตลอดมา เป็นเพลงที่ทำให้ผมรู้ว่า ความรักของผู้หญิงที่ดูจะใจแข็งอย่างที่สุดคนหนึ่ง
อารมณ์เธออ่อนบางเพียงใด และผมผิดพลาดเพียงไหนที่ไม่ทนุถนอมเธอให้ดี อย่างที่เธอควรจะได้รับ
เพื่อกลับกรุงเทพฯ เวห์จัดการทุกอย่างอย่างเรียบร้อย ชายหนุ่มขับรถกลับบ้านหลังจากรายงานตัวที่ศูนย์ลูกเรือเรียบร้อย
“พี่เวห์ พรุ่งนี้ครบรอบของแอร์นะ”
ข้อความสั้นๆจากไวน์ที่ส่งมา เวห์หลับไปอย่างเหนื่อยอ่อน
หญิงสาวในชุดเครื่องแบบนักบินเต็มยศ เดินมาหาผมพร้อมกับกระโดดกอดผมไว้แน่จนผมรู้สึกได้
“พี่เวห์คิดถึงพี่เวห์จัง กลับมาอยู่กับแอร์นะ”
ริมฝีปากของชายหนุ่มขยับช้าๆ
“อืม พี่ก็คิดถึงแอร์ แอร์พี่รักแอร์นะ”
                                            รุ่งขึ้นหลังจากเสร็จงานไวน์เริ่มรู้สึกไม่ค่อยดี ที่เวหาหายไปทั้งๆที่ทุกปีเวหาไม่เคยขาด
โทรฯเข้าเครื่องก็เปิดแต่ไม่มีคนรับสาย ไวน์ตัดสินใจไปที่บ้านของเวหาและรู้ว่าตอนนี้เวห์กลับไปหาแอร์แล้ว
ชายหนุ่มกลับมาบ้านบอกรักพ่อแม่ทุกคนก่อนจะขอตัวไปนอนและหลับไปอย่างไม่ตื่นในที่สุด
                                            ชายหนุ่มเดินมายังผาเดียวดายอีกครั้ง  ครั้งนี้ เขาไม่ได้มาคนเดียว ข้างกายมีใครอีกคน
ที่รอคอยกันมานานแล้วอยู่ด้วย หญิงสาวร่างบางคนนั้นนักบินหญิงของผม
เราสองคนพร้อมจะเดินทางไกลไปสู่ฟ้ากว้างด้วยกันชั่วนิรันดร
______________________________________________________________________________________________________
แด่ความรักของคนบนฟ้าที่รอเวลาได้พบกัน
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น